โครงงานสะเต็มศึกษา
หน่วยบูรณาการวิถีพอเพียง
หน่วยบูรณาการวิถีพอเพียง
เรื่อง ลูกวรนารีในวิถีพอเพียงและสารเคมีในชีวิตประจำวัน
โดย
1.เด็กชายจอมชนก สุขจันทร์
2.เด็กชายวรวรัญช์ นันทสูวรรณ
3.เด็กหญิงชัญญา โชตินะกิจ
4.เด็กหญิงเยาวภา กุกุทพันธ์
5.เด็กหญิงสิริยา จันทร์อ่อน
ครูประจำวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ :ครู จุฑามาศ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ :ครู สุฐิยา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย :ครู กัลยาณี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม :ครู เฉลิมศรี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา :ครู จราภรณ์/ครูธีรยุทธ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ :ครู สุเมศ
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี :ครู สุนันทา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ :ครู จำเนียน
กลุ่มสาระการเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว :ครู อรพินท์
โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา
รายงานนี้เป็นส่วนประกอบของโครงงานสะเต็ม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/7
บทคัดย่อ
โครงงานสะเต็มศึกษาเรื่อง สีย้อมผ้าจากใบเตย จุดมุ่งหมายเพื่อลดปัญหาการเกิดอันตรายจากการสูดดมสารเคมีที่ไม่บริสุทธิ์และลดปัญหาการใช้จ่ายและหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แล้วยังช่วยลดปัญหาสีที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
ส่วนประกอบของโครงงาน 1.ตัวแปรต้นคือ สารสกัดจากสีที่ได้จากต้นใบเตย 2.ตัวแปลตามคือ ผ้าที่จะนำมาย้อมกับสี 3.ตัวแปลควบคุมคือ ปริมาณของสีและขนานของผ้า วิธีการดำเนินงาน 1.วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ 2.ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน
กิตติกรรมประกาศ
การทำโครงงาน เรื่องสีย้อมผ้าจากใบเตย สำเร็จได้เนื่องจากคณะผู้จัดทำร่วมได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก คณะครูอาจารย์ ที่คอยให้คำปรึกษาและคอยช่วยเหลือกับการทำโครงงานนี้ เรื่องสีย้อมผ้าจากใบเตยและขอบคุณเพื่อนๆที่คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดการสำเร็จ คณะผู้จัดทำต้องขอบคุณเป็นอย่างสูง
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
สารบัญ ค
สารบัญตาราง ง
สารบัญรูปภาพ จ
บทที่1บทนำ 1
1.1 แนวคิดที่มาของโครงงาน 1
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1
1.4 ประโยชน์ที่ได้รับ 1
บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 2 2.1ใบเตย 2
2.2 การใช้ประโยชน์ 2
บทที่3วิธีการดำเนินงานโครง 5
3.1วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ 5
3.2ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 5
บทที่4 ผลการดำเนินงาน 7 4.1 ผลการดำเนินงาน 7
4.2 การนำไปใช้ 7
บทที่5 สรุป อภิปรายและข้อเสนอแนะ 8
5.1สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน 8
5.2 ปัญหาและอุปสรรค 8
5.3ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา8
บรรณานุกรม 9
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่4.1ตารางแสดงผลการทดลองสีย้อมผ้าจากใบเตย 7
สารบัญรูปภาพ
หน้า
ภาพที่ 2.1 ใบเตย 2
ภาพที่3.1นำใบเตยมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ 5
ภาพที่3.2นำใบเตยกับน้ำเปล่ามาใส่ในเครื่อง 5
ภาพที่3.3ปั้นให้ละเอียดพอสมควร 6
ภาพที่3.4ให้เทน้ำใบเตยลงในกระชอนเพื่อแยกน้ำกับใบเตย 6
ภาพที่3.5นำใบเตยไปต้มให้เดือดแล้วปิดไฟแล้วค่อยนำผ้าลงไปแช่อยู่กับน้ำสีใบเตย 6
ภาพที่3.6นำผ้าไปตากจนแห้ง
6
ภาพที่3.7นำผ้าไปซักและเสร็จสมบูรณ์ 6
บทที่1
บทนำ
1.1 แนวคิดที่มาของโครงงาน
ในปัจจุบันผ้าที่ย้อมสีมีเป็นจำนวนมากในชีวิตประจำวัน
จึงมีการผลิตผ้าย้อมสีมากขึ้น หลากหลายสีหลายยี่ห้อหลายราคา แล้วแต่ผู้บริโภคจะเลือกใช้
ซึ่งมีการสูญเสียเงินในการซื่อ
ดังดั้นกลุ่มของดิฉันจึงมีความสนใจในการทำสีย้อมผ้าจากธรรมชาติ
เพื่อลดต้นทุนในการซื่อผ้าย้อม
ผ้าย้อมสีจากธรรมชาติต้องอาศัยกระบวนการความคิดสร้างสรรค์เป็นระบบกระบวนการกลุ่ม
ร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างนักเรียนและครู เพื่อสร้างวัตกรรมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
คือการผลิตสีย้อมผ้าที่หาวัสดุจากธรรมชาติสกัดเป็นส่วนประกอบของผ้าย้อมสีจากธรรมชาติทำให้ได้สีย้อมผ้าที่สวยงามและลดค่าใช้จ่าย
1.2
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.เพื่อศึกษาการย้อมผ้าโดยการใช้สีจากธรรมชาติ
2.เพื่อให้ได้สีที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
สถานที่ทำงานบ้านของ เด็กชายจอมชนก สุขจันทร์ เวลาในการทำโครงงาน เดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม
1.4ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ประหยัดค่าใช้จ่าย
2.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3.ผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่มีสารเคมีทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1ใบเตย
ใบเตย หรือ เตยหอม ชื่อวิทยาศาสตร์: Pandanusamaryllifolius
come เป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ขึ้นเป็นกอ ลำต้นอยู่ใต้ดิน
ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ใบเป็นทางยาว สีอ่อน
ค่อนข้างนิ่ม เป็นมันเผือก ขอบใบเรียบ ในใบมีกลิ่นหอมจากน้ำมันขอมลูกเขย
สีเขียวจากใบเตยเป็นสีของคลอฟอฟิลล์ ใช้แต่งสีขนมได้
2.2 การใช้ประโยชน์
1.ช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น
และช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ (น้ำใบเตย)
2.การดื่มน้ำใบเตยจะช่วยดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
เพราะใบเตยมีกลิ่นหอมเย็น ดื่มแล้วจึงรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
3.รสหวานเย็นของใบเตยช่วยชูกำลังได้
4.การดื่มน้ำใบเตยช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของร่างกายได้
5.ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
6.ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.การย้อมขมิ้น
การใช้ขมิ้นผงเพื่อความสะดวก และเป็นขมิ้นประเภทเดียวกับที่เราทำอาหารและขัดตัวด้วย หาซื้อได้ง่ายๆ จากตลาด ซูเปอร์มาร์เกต หรือร้านออนไลน์ต่างๆ แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย วิธีทำก็เพียงแค่ต้มน้ำในหม้อใหญ่ๆ ด้วยไฟกลาง ใส่ขมิ้นผงลงไป 5 ช้อนโต๊ะค่ะ หากจะทำผ้ามัดย้อม ก็ใช้หนังยางมัดผ้าให้แน่นส่วนผ้าที่ให้สำหรับการย้อมควรเป็นผ้าสีอ่อนอย่างขาวหรือครีม ก่อนใส่ผ้าสำหรับย้อมลงไปในหม้อผสมขมิ้นเดือดๆ ให้นำผ้าไปแช่น้ำเย็นหรือน้ำธรรมดาก่อน จะช่วยให้ผ้าดูดสีน้ำขมิ้นได้ดีขึ้น บิดผ้าให้หมาด เมื่อน้ำขมิ้นเดือดให้ลดไฟต่ำลงแล้วจึงใส่ผ้าลงไป ต้มต่อไปอีก 1 ชั่วโมง หมั่นค้นเพื่อให้สีติดทั่วถึง เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วก็ยกหม้อลง ปล่อยให้เย็น 15 นาที จากนั้นจึงนำผ้ามาล้างน้ำธรรมดาเพื่อล้างสีส่วนเกินออก ให้เหลือแต่สีที่ติดในเนื้อผ้าแล้ว ถ้าทำผ้ามัดย้อมก็ให้แกะหนังยางออก ตากให้แห้ง เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
2.การย้อมกาแฟ
ใช้ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ถ้วย ผสมน้ำ 4 ถ้วย นำไปต้มให้เดือด พอเดือดแล้วให้ปิดไฟ รอจนกว่าน้ำจะเย็นแล้วจุ่มผ้าลงในน้ำกาแฟให้ชุ่ม จากนั้นนำผ้าขึ้นมาบิดให้หมาด ตากให้แห้ง หรือจะเอาเข้าเตาอบก็ได้ แผ่ผ้าบนถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศา ประมาณ 5 นาทีหรือน้อยกว่านั้น สีของผ้าด้านบนจะซีดลงเล็กน้อย ส่วนด้านหลังจะปรากฏสีน้ำตาลของกาแฟเข้มมากขึ้นตามรอยยับ แต่ถ้าไม่อยากให้เห็นรอยยับชัดเจน และไม่อยากเอาไปอบ ก็สามารถตากแดดได้ตามปกติ
3.การย้อมแบล็กเบอร์รี
นำผ้าที่จะย้อมต้มในน้ำเปล่าผสมเกลือประมาณ 1 ชั่วโมง การใช้ผ้าคอตตอนหรือผ้าเส้นใยธรรมชาติ เพราะสีจะติดง่ายและติดทนกว่า จากนั้นล้างด้วยน้ำเย็น บิดให้หมาดแล้วพักไว้ มาเตรียมส่วนผสมสีจากผลแบล็กเบอร์รี ใช้แบล็กเบอร์รี 1 ส่วนต่อน้ำ 4 ส่วน ต้มให้เดือดปุดๆ สัก 15 นาที แล้วกรอกเอาแต่น้ำ ทิ้งไว้ให้เย็นลง จากนั้นนำผ้ามาจุ่มลงไป ทิ้งไว้ 10 นาที นำผ้าขึ้นแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด นำผ้าไปตากให้แห้ง เป็นอันเสร็จ สีอาจจะซีดลงเล็กน้อย
4.การย้อมชบา
ใช้ดอกชบาแห้งประมาณ 4 กำมือใส่ลงไปในน้ำ ซึ่งปริมาณน้ำก็ให้พอท่วมผ้าที่จะย้อม
จากนั้นทิ้งไว้กลางแดดสักพักจนสีเริ่มออก แล้วจึงนำผ้าที่ต้องการย้อมใส่ลงไป
กดผ้าให้จมน้ำให้พื้นที่ทุกส่วนได้โดนน้ำ สีจะได้ติด ทิ้งไว้อย่างน้อย 1-3 วัน คนผ้าบ้างเป็นบางครั้ง ยิ่งทิ้งไว้นาน
สีจะยิ่งซึมเข้าไปในผ้าได้มากขึ้น จากนั้นนำไปซักในน้ำสะอาด ตากให้แห้ง
แล้วเราก็จะได้ผ้าสีชมพูอ่อน
5.การย้อมเปลือกหอมใหญ่
เริ่มจากเตรียมผ้าที่จะย้อมโดยนำไปต้มหรือแช่ในน้ำร้อนสัก 1 ชั่วโมง บิดให้หมาดๆ และพักไว้ ส่วนเปลือกหอมใหญ่ควรจะมีเยอะพอสมควร ยิ่งเยอะยิ่งดี เพื่อจะได้เม็ดสีเยอะๆ นำเปลือกหอมใหญ่ไปต้มในน้ำเดือดๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ตักเอาเปลือกออกให้หมด แล้วจึงใส่ผ้าส่งไป กดให้ผ้าจมน้ำเพื่อให้สีติดทั่วและไล่อากาศออกจากผ้า ต้มไปอีกสัก 1 ชั่วโมง จากนั้นปิดไฟ ทิ้งผ้าไว้ในนั้นจนน้ำหายร้อนหรือทั้งไว้ข้ามคืน ยิ่งแช่ไว้นานยิ่งทำให้สีสวยสดใส แล้วค่อยน้ำผ้ามาล้างน้ำเย็น ผึ่งให้แห้งก็เป็นอันเสร็จ
6.การย้อมถั่วดำ
แช่ถั่วดำในน้ำ 24 ชั่วโมงเพื่อให้สีจากถั่วดำออกมา จะได้น้ำสีม่วงๆ จากนั้นก็ตักเอาเฉพาะน้ำถั่วดำใส่ไว้ในขวดโหลที่เตรียมไว้ ใส่โซเดียมคาร์บอเนตหรือโซดาแอสเพิ่มเข้าไปเล็กน้อย เพื่อปรับค่าความเป็นกรดด่างค่ะ แล้วเราจะได้น้ำอีกสี ออกเป็นสีน้ำตาลอ่อน จากนั้นนำผ้ามาแช่ในน้ำถั่วดำ ปิดผ้าหรือแรปพลาสติก ทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือหากมีเวลาก็ทิ้งไว้สัก 48 ชั่วโมงเพื่อให้สีติดยิ่งขึ้น เมื่อครบกำหนดแล้วให้นำผ้ามาล้างน้ำสะอาด พึ่งให้แห้ง ผ้าสีม่วงฟ้าคือผ้าที่แช่ในน้ำถั่วดำ ส่วนผ้าสีครีมหม่นคือผ้าที่แช่ในน้ำถั่วดำผสมโซเดียมคาร์บอเนตหรือโซดาแอส ให้อารมณ์วินเทจ
7.การย้อมดอกไม้หลายชนิด
เก็บดอกไม้หลากหลายๆชนิด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีสีหรือไม่มี หรือว่าจะได้สีอะไร จากนั้นนำดอกไม้เหล่านั้นมากห่อด้วยผ่าที่ต้องการจะย้อม โดยเราต้องแช่ผ้าผืนนี้ในน้ำอุ่นให้นิ่มเสียก่อน เมื่อห่อดอกไม้เสร็จแล้วก็ใช้เชือกมัดห่อ เทน้ำใสขวดโหลหรือภาชนะอะไรก็ได้ นำผ้าห่อดอกไม้ใส่ลงไป เปิดฝาไว้ จากนั้นนำไปตากแดดอย่างน้อย 2 วัน พอโดดแดดแล้วน้ำจะเปลี่ยนสี ซึ่งสีอาจจะดูไม่สวย ดูเขียวๆ น้ำตาลหม่นๆ พอครบ 2 วันก็สามารถนำผ้าออกมาได้ แกะเอาดอกไม้ทิ้งไป นำผ้าไปซักน้ำสะอาด ตากให้แห้ง สีที่ได้อาจจะสร้างความประหลาดใจให้คุณได้มากทีเดียว เพราะสีที่ได้จากการผสมดอกไม้หลากหลายครั้งนี้ได้ออกมาเป็นสีชมพู
บทที่3
วิธีการดำเนินโครงงาน
3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ
1. ใบเตย
2. น้ำเปล่า
3. ผ้ามัดย้อม
4. หม้อ
5.เครื่องปั่น
6.กระชอน
7.ไม้คน
3.2 ขั้นตอนการดำเนินโครงงานภาพที่3.1นำใบเตยมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
ภาพที่3.2นำใบเตยกับน้ำเปล่ามาใส่ในเครื่องปั่น
|
ภาพที่3.4ให้เทน้ำใบเตยลงในกระชอนเพื่อแยกน้ำกับใบเตย
ภาพที่3.5นำใบเตยไปต้มให้เดือดแล้วปิดไฟแล้วค่อยนำผ้าลงไปแช่อยู่กับน้ำสีใบเตย
ภาพที่3.6 นำผ้าไปตากจนแห้ง
ภาพที่3.7นำผ้าไปซักและเสร็จสมบูรณ์
บทที่4
ผลการดำเนินงาน
ตารางที่4.1ตารางแสดงผลการทดลองสีย้อมผ้าจากใบเตย
สีที่ใช้ในการย้อมผ้า
|
ปริมาณ
|
ผลการทดลอง
|
1.สีย้อมผ้าจากใบเตย
|
1กิโลกรัม
|
สีเข้มน้อย
|
2กิโลกรัม
|
สีเข้มมาก
| |
2.สีย้อมผ้าจากสารเคมี
|
ครึ่งซอง
|
สีเข้มสีเข้มน้อย
|
1ซอง
|
เข้มมาก
|
จากตารางบันทึกผลการทดลองของสีย้อมผ้าที่ได้จากใบเตยและสีย้อมผ้าจากสารเคมีกลุ่มพวกเราพบว่า สีย้อมผ้าจากใบเตยจะเข้มมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของใบเตยที่ทดลองซึ่งสีที่ได้นั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่สีย้อมผ้าจากสารเคมีมีสีเข้มมากก็จริง
แต่สีที่ได้นั้นอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยกลุ่มพวกเราจะใช้วิธีการมองจากสายตาโดยการเทียบสีย้อมผ้าจากใบเตยกับสีย้อมผ้าจากท้องตลาดว่าสีไหนมีสีเข้มกว่ากัน
4.2การนำไปใช้
เพื่อนำผ้าที่ย้อมจากสีใบเตยนำมาใช้เป็นผ้าเช็ดหน้าเพราะในผ้าที่กลุ่มพวกเราย้อมมาเป็นสีจากธรรมชาติและไม่มีสารเคมีปนเปื้อนในผ้าที่ย้อมจากใบเตยทำให้เราสามารถนำมาใช้เช็ดหน้าอย่างปลอดภัยไร้สารเคมี
มีกลิ่นหอมจากใบเตยและประหยัดเงินในการซื้อผ้าเช็ดหน้าอีกด้วย
บทที่5
สรุปอภิปรายและข้อเสนอแนะ
5.1 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
จากผลการทดลองจะสรุปได้ว่า
การนำใบเตยที่ไร้สารเคมี เราสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ในการย้อมสีผ้า เราได้ผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการและ
มีประสิทธิภาพที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สีย้อมผ้าที่เราย้อมมาจะกลิ่นจากใบเตยจะติดทนนาน
และที่สำคัญเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
5.2
ปัญหาและอุปสรรค

1. เวลาว่างของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มไม่ค่อยตรงกัน
2. การบ้านจากวิชาต่างๆ
ที่ต้องใช้เวลานานในการทำ และบางครั้งต้องออกไปทำในสถานที่ต่างๆ
ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติโครงงานน้อยลง
3. เนื่องจากการปฏิบัติโครงงานมีการลงพื้นที่บ่อยครั้ง
และสภาพอากาศก็ค่อนข้างร้อนบวกกับมีแดดแรงจัด จึงทำให้สมาชิกบางคนไม่สบาย
บรรณานุกรม
ดีมากๆ
ตอบลบจ้าา
ลบ555
ลบคือดีอ้ะ
ตอบลบเขินจัง
ลบ5555
ลบเก่งจิงๆ
ตอบลบจ้าาา
ลบ555
ลบคนทำนี่เก่งจิงๆๆ555
ตอบลบเขินจัง#ขอบคุณที่ชม55😁
ลบ